เที่ยวเมืองอี๋หลาน ดูวาฬที่เกาะเขาเต่า

สวัสดีค่าาา..😊😊 วันนี้เราจะมานำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้จักมาก่อน ☺️ อย่างแรกเลย..ต้องขอบอกก่อนว่าทริปนี้เป็นทริปที่พวกเราลุ้นกันมากๆ..สาเหตุที่ลุ้นก็คือ วันที่พวกเราไป เป็นวันที่ฟ้าครึ้มซึ่งเต็มไปด้วยก้อนเมฆแผ่นหนาๆ มองไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของพระอาทิตย์😂😂 // แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทริปนี้ก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีถึงแม้จะมีฝนตกตั้งแต่ช่วงบ่ายก็ตาม😅...พูดยืดเยื้อมาซะตั้งนาน เอ้าาา!!! เริ่มเล่าได้...
------------
พวกเราได้ไปเที่ยวที่จังหวัดอี๋หลาน ซึ่งเป็นจังหวัดใกล้ๆกับเมืองหลวงไทเปนี่เอง ถึงแม้จะเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกัน แต่สภาพสิ่งแวดล้อมค่อนข้างจะแตกต่างมาก เพราะอี๋หลานเป็นจังหวัดที่พืชผลทางการเกษตรดี ดินดี น้ำดี และอากาศก็ดีมากๆด้วย ขนาดเราไป ยังตกหลุมรักที่นี่เล้ยยยย!!!!

อี๋หลาน...ดูวาฬแบบฟินๆ ^^

เค้าท์เตอร์จำหน่ายตั๋วดูวาฬ

วิวัฒนาการของวาฬ

ซื้อตั๋วเรือของบริษัทข่ายจิง 凱鯨 รอบที่พวกเราขึ้น คือ เวลา 10:30am

สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกเมื่อขึ้นเรือ คือ ใส่เสื้อชูชีพ..ไม่ว่าคุณจะว่ายน้ำเป็นหรือไม่ แต่เพื่อความปลอดภัยแล้วควรจะใส่ไว้ก่อนนะคะ :)

ห่วงยางไม่รู้ของใคร....
แต่ "ห่วงใย" อ่ะ ของพี่ !!!

เราสามารถเห็นเกาะเขาเต่าได้จากฝั่ง แต่เห็นไกลๆมันไม่สะใจอ่ะ อยากจะเห็นระยะประชิดดดด...แต่ตอนนี้เท่าที่ทำได้คือจิ้มๆๆไปก่อน 555

เรือมี 3 ชั้น สามารถเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ แต่คนเรือแนะนำว่าให้นั่งด้านบนสุด เพราะจะเห็นวาฬหรือโลมาได้อย่างชัดเจน

เราอยากไปยืนตรงหัวเรือนะ แต่ลมแรงมาก หนาววว~ขอบายละกันเนอะ (ลืมเอาเสื้อกันหนาวมา 55)

พอเรือใกล้จะเทียบท่า..มันมีความอลัง มากกกกก ***ลืมบอกไปว่า ถ้าอยากจะไปเกาะเขาเต่าต้องลงทะเบียนล่วงหน้าด้วย จะใช้เลข ARC หรือว่าเลขพาสปอร์ตก็ได้ พอเราลงไปแล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่

มาตรวจ

ออกจากท่าเรือแล้ว นายเรือก็พาพวกเราไปดูวาฬ แต่เนื่องจากวันที่เราไปอากาศค่อนข้างครึ้มทำให้ไม่เจอโลมาเลยสักตัว แต่เจอวาฬประมาณ 4-5 ตัว ซึ่งอันนี้ถือเป็นความโชคดีของเราก็ว่าได้ 55555

หลังจากดูวาฬเสร็จแล้ว นายเรือก็พาพวกเราอ้อมไปอีกด้านหนึ่งของเกาะ ซึ่งถ้ามองจากมุมนี้แล้ว จะมองเห็นภูเขาเป็นรูปเต่าชัดเจน และที่พิเศษคือ ด้านหัวและกระดองจะเป็นคนละสีกันอีกด้วย 

เป็นเต่าน้อยที่น่ารักจริงๆ ^^ และเต่าน้อยนี้ยังเป็นภูเขาไฟที่ระเบิดแล้วด้วยน้าา

กลับมาถึงท่าเรือแล้ว ตอนนี้เริ่มจะเวียนหัวนิดหน่อย สงสัยจะเป็นเพราะได้กลิ่นกำมะถันมากไป อิอิ

ใกล้ๆกับท่าเรือ 烏石港 (อูสือก่าง) มีสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจ คือ พิพิธภัณฑ์หลานหยาง ถ้าใครสนใจก็สามารถเข้าชมได้นะคะ บัตรเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ คือ ใบละ 100 NTD ค่ะ

ตอนเที่ยงแวะทานร้านอาหารชื่อดัง ว่ง เหยา จี (甕窯雞) ไก่อบโอ่งสูตรเด็ด และเมนูผักพื้นเมืองอี๋หลานที่หลากหลาย และมีเมนูสำหรับคนที่ทานเจด้วยนะคะ

ไก่อบโอ่ง โอ่งจริงๆด้วยแฮะ^^

ผักสดพื้นเมืองอี๋หลาน เลือกตามสั่งได้เลยจ้าาา..

ไปกัน 5 คน กับข้าวเพียบเลย...จะกินหมดไหม จะไหวหรือเปล่าาา..

เมื่อกินอิ่ม เราก็ต้องไปผ่อนคลายที่สวนสาธารณะบ่อน้ำพุร้อน ทัง เหวย โกว (湯圍溝溫泉公園) ...เดินเข้าไปจะเห็นสปาปลา ซึ่งมีหลายร้านให้เลือก ราคาตั้งแต่ 60 NTD ขึ้นไป

ไปแช่เท้าที่บ่อน้ำพุร้อน ฟรีไม่เสียตังค์จ้าาา...ทางปลายน้ำ น้ำจะอุ่นนิดๆ แต่ทางต้นน้ำ น้ำร้อนมากกกก แทบดึงขากลับไม่ทัน!!..ยังไงก็ระมัดระวังกันหน่อยน้าาา

หลังจากแช่เท้าเสร็จแล้ว ก็หาที่ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เห็นรองเท้ายักษ์นั่นมั้ย ถึงจะไม่ใช่ไซส์ตะมุตะมิ แต่มันก็ใหญ่เบ้อเร่อเท่อนะ 555 พูดทำไมเนี่ยยย

หิวอีกแล้ววว..แต่เพิ่งกินอิ่ม ได้แต่ทำตากระพริบปริบๆ..ฮืออออ

ร้านนี้มีชื่อว่า 柯氏(เคอซื่อ)เป็นร้าน ชง โหยว ปิ่ง (蔥油餅)หรือ แพนเค้กต้นหอมที่มีชื่อเสียงที่สุดในอี๋หลาน ดูจากจำนวนคนที่มาต่อแถวเรื่อยๆไม่ขาดสายแล้ว เป็นที่ยืนยันได้เลยว่าเด็ดโดนใจแน่ๆ แต่เห็นคนเยอะๆแบบนี้ คนขายเขาก็ทำให้รวดเร็วทันใจนะจ๊ะ....

ถ้าใครจะไปอี๋หลาน ก็ลองซื้อชิมดูได้น้าาา

วันนี้ทริปจบที่ ชิงสุ่ยตี้เร่อ (清水地熱) คือ บ่อน้ำพุร้อนที่สามารถซื้ออาหารไปต้มทานได้ แต่เนื่องจากฝนตกและถึงเวลาปิดของที่นี่ คือเวลา 17:00 ทำให้พวกเราได้แต่เหลียวมองไปสุดฟ้าไกล..555 ไม่ใช่แระ ทำให้เราอดต้มของกินและต้องเดินทางกลับไทเป น่าเสียดายจุง:)..เจอกันใหม่ตอนหน้านะคร้าาาา